Your are not alone .

หนทางสู่ดวงดาว

                          ถ้ามีเวลาว่างในตอนกลางคือนโดยเฉพาะในคืนเดือนมืด ลองแหงนหน้ามองฝ่าสายลมออกไปในอวกาศ

จะเห็นดวงดาวใหญ่น้อยมากมายประดับประดาส่องแสงระยิบระยับเคว้งคว้างอยู่ในอวกาศอันมืดมิด   ถ้าเรามองมันดีๆ

ในที่ปราศจากแสงสี เมฆ หมอก และฝุ่นควันภายในเมือง จะเห็นทางสีขาวพาดไปตามท้องฟ้าจากขอบฟ้าหนึ่งไปสู่อีก

ขอบฟ้าหนึ่ง   ทางสีขาวนี้เหมือนกับละอองเมฆเป็นฝ้ายาวตลอดแนว และทางสีขาวนี้ก็คือทิศทางไปสู่จุดศูนย์กลางของ

กาแลกซีของเรา   ซึ่งมีดวงดาวประมาณ 2 แสนล้านดวง   ดวงดาวทั้งหมดรวมกันอยู่เป็นกาแลกซี ในเอกภพซึ่งมีประมาณ

กว่าหมื่นล้านกาแลกซี    ดังนั้นในเอกภพของเราจึงมีดวงดาวไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านล้านล้านดวง   ซึ่งมีมากกว่าจำนวนเม็ด

ทรายที่อยู่บนโลกของเราเสียอีก

                ดาวฤกษ์ส่วนใหญ่ในเอกภพมีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ของเราเสียอีกบางดวงมีความสว่าง

กว่าดวงอาทิตย์ถึงล้านเท่า แม้ว่าในเอกภพจะมีดวงดาวมากมายขนาดนี้แต่ความหนาแน่นเฉลี่ยของดวงดาวใน

เอกภพกลับมีค่าเพียง 0.000000000000000000000000000001 กรัมในอวกาศ 1 ลูกบาศก์เซนติเมตรคล้ายกับว่า

มวลสารทั้งหมดของดวงดาวแทบไม่มีความหมายเมื่อเปรียบกับความมหึมาของเอกภพ

               ดวงอาทิตย์ของเราก่อกำเนิดจากกลุ่มก๊าซและฝุ่นเมื่อ 4 พันกว่าล้านปีมาแล้วและมีบริวารติดตาม

ท่องเที่ยวไปเที่ยวในอวกาศถึง 10 ดวงมีดาวบริวารที่โคจรรอบดาวเคราะห์ทั้งหลายมากกว่า 32  ดวงดาวเคราะห์

นับพันดวงและดาวหางอีกจำนวนมากมายรวมกันเป็นระบบสุริยะห่างออกไปจากจุดศูนย์กลางกาแลกซีทางช้างเผือก

ประมาณ 30,000ปีแสงและบริเวณศูนย์กลางนี้มีเทห์ฟากฟ้ามากมายรวมกันอยู่อย่างหนาแน่นโดยมีมวลรวมกันแล้ว

มากถึง 5   หมื่นล้านเท่าของมวลดวงอาทิตย์เมื่อมวลสารชนิดภายในกาแลกซีกของเราจะมีมวลมากกว่าแสนล้านเท่า

ของระบบสุริยะ

               เราได้ก้าวสู่คำถามที่ทุกคนสนใจแล้วว่า มีมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตที่เฉลียวฉลาด ณ ระบบดาวอื่นหรือไม่

่คำถามที่ว่ามีมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกอื่นหรือไม่นั้น เป็นปัญหาใหญ่ยิ่งสำหรับนักวิทยาศาสตร์มานานแล้ว

โดยเฉพาะนักดาราศาสตร์ที่ศึกษาศาสตร์นี้โดยตรง สหรัฐอเมริกา โซเวียต   และประเทศที่พัฒนาแล้วไอวกาศได้สำรวจ

มานานหลายสิบปีแล้ว ทั้งนี้เพื่อการสื่อสารคมนาคม พยากรณ์อากาศ สำรวจอวกาศ นอกจากนี้เพื่อการแพทย์   เทคนิค

คอมพิวเตอร์ และอื่นๆ และที่สำคัญที่สุดเพื่อศึกษาถึงกำเนิดอันเร้นลับของสิ่งมีชีวิตหรือสภาพดาวอื่นว่าจะมีสิ่งมีชีวิต

อยู่หรือไม่ ข้อที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็คือโอกาสที่จะติดต่อกับสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาชั้นเลิศอารยธรรมอื่นๆทั้งเก่าทั้งใหม่ ่

ในเอกภพซึ่งการศีกษาในเรื่องเหล่านี้อาจเป็นหนทางนำไปสู่ความรู้เกี่ยวกับสภาพของมนุษยชาติในอนาคตอันหมายถึง

การดำรงอยู่หรือการแตกดับของสรรพสิ่งที่เอกภพได้กำหนดไว้ตั้งแต่อวกาศและเวลาเมื่อกำเนิมาเมื่อ 2 หมื่นล้านปีที่แล้ว

และสิ่งสุดท้ายอาจทำให้เราทราบความหมายของชีวิต หรือค่าของชีวิตในแง่วิทยาศาสตร์อีกด้วย

                 จากหลักฐานทางธรณีวิทยาแสดงว่ามนุษย์ต้องใช้ระยะเวลายาวนานถึงหนึ่งล้านปีในการเหลี่ยนทางสรีรวิทยา

จากสภาพของมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์มาเป็นมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ปัญหาที่ตามมาก็คือ ทำไมสิ่งมีชีวิตจึงมีวิวัฒนาการ

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดวิวัฒนาการจากสิ่งไร้ชีวิตของโมเลกุลที่ล่องลอยในอากาศและตกลงมาในทะเลรวมตัวกับ

โมเลกุลอื่นกลายเป็นสิ่งมีขีวิตขึ้นมาซึ่งมีโครงสร้างอย่างง่ายๆและค่อยๆวิวัฒนาการเป็นสัตว์ที่มีโครงสร้างสลับซับซ้อน

ขึ้นมาเรื่อยๆและสุดท้ายแยกสายออกมาเป็นมนุษย์ที่มีมันสมองเป็นเลิศกว่าสัตว์อื่นทั้งปวง     ที่น่าสงสัยที่สุดคือ

จากสิ่งที่ไม่มีชีวิตมาเป็นสิ่งมีชีวิต เกิดกระบวนการนี้ขึ้นอย่างไร

               เมื่อเราดูตามทฤษฎีกำเนิดสิ่งมีชีวิตบนโลกเรา พบว่าเป็นไปตามขบวนการวิทยาศาสตร์ทุกอย่าง ดาวฤกษ์

ที่เราเป็นอยู่ในกาแลกซีทางช้างเผือกเกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับการเกิดดวงอาทิตย์ สรุปได้กว้างๆว่าดาวฤกษ์ทุกดวง

กำเนิดมาจากต้นตอเดียวกัน มีวิวัฒนาการดวงดาวแบบเดียวกัน เพราะฉะนั้นสิ่งมีชีวิตย่อมเกิดขึ้นในทึกระบบ

ของดาวฤกษ์ที่ปรากฎในทุกแห่งของเอกภพถ้าประมาณอย่างหยาบๆเฉพาะในกาแลกซี่ของเรา น่าจะมีโลกที่มีชีวิต

เหมือนโลกเราถึง 2 แสนล้านโลก และน่าจะมีมนุษย์แบบเราอยู่ถึง 2 แสนล้านโลก เมื่อคิดเอกภพทั้งหมดจะมีถึง

2 พันล้านล้านล้านโลกแต่จริงๆแล้วมีไม่มากถึงขนาดนี้มีค่าบางอย่างที่ทำให้ค่าตัวเลขที่ยกมาอย่างหยาบๆนี้ลดลง

                        ในเมื่อเราทราบถึงความมหึมาของเอกภพตลอดจนการเกิดและการวิวัฒนาการที่เป็นไปตามหลักการ

วิทยาศาสตร์ เราไม่น่าแปลกใจหรือตกใจที่จะพบสิ่งมีชีวิตมากมายในโลกอื่น แท้ที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก

ถ้าหากมีแต่เราเท่านั้นที่มีชีวิต

                  นักวิทยาศาสตร์ทราบแล้วว่าวัตถุลึกลับบินได้(UFO) คือปรากฎการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

ิบนโลกของเรา แต่คนส่วนใหญ่นำคำนี้ไปสับสนกับคำว่าจานบิน    (Flying Saucer)            ซึ่งหมายถึงยานอวกาศ

ของสิ่งมีชีวิตที่เฉลียวฉลาดจากนอกโลก เลยกลายเป็นว่าวัตถุลึกลับบินได้ที่รายงานเข้ามากลายเป็นจานบินไปเสียหมด

ทำให้เกิความยากลำบากในการแยกแยะ

 

จานบินคืออะไร

                       ก็ยังไม่มีคำตอบชัดเจนจากฝ่ายที่เป็นนักวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะจากนักดาราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย

ที่ทำงานวิจัยอยู่ในสถาบันอันทรงเกียรติเราจะไม่มีทางเจอสิ่งมีชีวตโลกอื่นที่แตกต่างจากเราอย่างสิ้นเชิงเป็นอันขาด

นักดาราศาสตร์ไม่เคยแคลงใจเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่เฉลียวฉลาดที่อยู่ต่างพิภพแต่ท่ามกลางหมู่ดาวมากมายในอาณาจักร

ที่ไร้ขอบเขตเช่นนี้ความเป็นไปได้ก็มีอยู่ในระดับสูงพอสมควร ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์สงสัยงุนงงเอามากนั่นก็คือการ

ปรากฎกายของมนุษย์ต่างดาวบนโลกมนุษย์จำนวนมากมายจนจำแนกชนิดของรูปร่างหน้าตาและจานบินได้ไม่ค่อยซ้ำ

กันเลย

 

ดิ้นรนสู่จุดดับ

                       เอกภพได้กำเนิดมาประมาณ 2 หมื่นล้านปีที่แล้ว ท่ามกลางหมู่ดาวที่ได้เกิดและตายไปนับครั้งไม่ถ้วน

ระบบสุริยะของเราก็ได้รวมตัวจากกลุ่มธุลีของซากดาวที่ตายไปแล้ว ผสมปนเปกับกลุ่มเมฆไฮโดรเจนและฮีเลียม

จากนั้นมาถึงปัจจุบันอีกด้วย เมื่อราวๆ 1200 ล้านปีที่ผ่านมาชีวิตบางอย่างได้เกิดขึ้นในรูปของแมงกะพรุนในทะเล

แต่มนุษย์เช่นเราพึ่งจะดำรงอยู่บนโลกเมื่อประมาณ1 ล้านปีที่แล้วและเพิ่งมีมนุษย์ที่เจริญด้วยอารยธรรมเพียงประมาณ

8000 ปีเท่านั้นอายุของโลกอาจจะยาวนานมากเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้

                      ถ้าเราลองมาตราส่วนโดยหดอายุของโลกที่ผ่านมาทั้งหมดจนถึงปัจจุบันไห้เหลือเพียง 1 ปี  เดือนมกราคม

จะเป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นของสิ่งมีขีวิตชั้นต่ำที่มีขนาดเล็กมากและเวลาจะต้องผ่านไปอีกนานแสนนานกว่าสิ่งมีชีวิตจะ

พัฒนาขึ้นมาเป็นสัตว์จำพวกไดโนเสาร์เกิดขึ้น และเมื่อถึงวันคริสต์มาสที่ 25 ธันวาคม สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพวกแรก

จึงได้วิวัฒนาการขึ้นมา   และเวลาก็ผ่านไป สัตว์จำพวกลิงเริ่มจุติขึ้นในโลกก็ต่อเมื่อรุ่งอรุณของวันที่ 31 ธันวาคมจากนั้น

มนุษย์ยุคแรกก็เกิดขึ้นราวๆ ตอนหัวค่ำวันส่งท้ายปีเก่าเมื่อเวลา 2 ทุ่มประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเพิ่งจะมีการบันทึก

ก็ต่อเมื่อ 30 วินาทีสุดท้ายของปี และความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพิ่งเริ่มไม่ถึง

1 วินาทีมานี่เอง

                      การที่มีคนจำนวนมากเชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาวมาเยือนเราแบ้วในขณะนี้ก็อาจเป็นสิ่งชี้ให้เห็นว่า สิ่งมีชีวิต

มีอารยธรรมขั้นสูงพิเศษได้แก้ไขปัญหาวิกฤตทางนิเวศวิทยาผ่านพันไปแล้ว จึงสามารถมีเวลาเป็นอนันต์ที่จะพัฒนา

ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจนเอาชนะอวกาศและกาลฝ่าความมืดมิดแห่งห้วงอวกาศมาหาเราได้

                     ในทางตรงกันข้าม เราเคยพิจารณามาแล้วว่า นักวิทยาศาสตร์ไม่เคยสงสัยเบยว่าจะไม่มีสิ่งมีชีวิตมากมาย

กระจัดกระจายไปทั่วทั้งเอกภพ แต่โอกาสที่จะมาเยือนเรามีค่าน้อยเหลือเกินเพราะก่อนที่สิ่งมีชีวิตที่เฉลียวฉลาดจะพัฒนา

ถึงขั้นอารยธรรมขั้นสูงพิเศษ จะต้องผ่านวิกฤตการณ์ทางนิเวศวิทยา และการเกิดสงครามทำลายล้างเผ่าพันธ์เสียก่อน

กาแลกซีทางช้างเผือกของเรา มีดาวฤกษ์ประกอบอยู่มากกว่าแสนบ้นด้วงแต่การประเมินทางดาราศาสตร์มีดาวฤกษ

์เพียงชนิดเดียวเท่านั้นซึ่งมีคุณสมบัติต่อสิ่งมีชีวตที่จะเกิดและพัฒนาขึ้นมา ก็คือดาวฤกษ์ประเภทเดียวกับดวงอาทิตย์

ของเราที่มีอุณหภูมิพื้นผิวผยู่ในช่วงประมาณ 6000 องศาเคลวินและมีสีเหลืองส้มอย่างไรก็ตามเรายังไม่ได้พิจารณา

ถึงจำนวนดาวเคราะห์ที่เป็นบริวารของดาวฤกษ์เหลืองสีส้มนี้ถึงในขั้นที่สิ่งมีชีวิตดาวเคราะห์นั้น มีกายภาพคล้ายคลึง

กับมนุษย์เรา และเราพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง จนเลยจุดความเสื่อมโทรมทางชีวิทยาและการทำลายเผ่าพันธ์

                      การประมาณถึงโอกาสดังกล่าวนี้ต้องขึ้นอยู่กับการคาดคพเนที่มีการศึกษาอย่างถูกต้องของตัวประกอบ

สำคัญหลายๆปัญหา แต่ก็มีโอกาสผิดพลาดมากต่อการประเมินแบบนั้น อย่างไรก็ดี ก็เป็นไปได้ที่เราจะประมาณ

อยู่ระหว่างขีดจำกัดสูงสุดและต่ำสุด โดยประการแรก เราใช้ตัวเลขพิจารณาออกมาเป็นจำนวนค่าสูงสุดของดาวเคราะห์

์ที่เหมาะสมที่จะมีชีวิตดำรงอยู่ได้ ประการถัดมา ใช้ตัวเลขพิจารณาออกมาเป็นจำนวนต่ำสุด ดังนั้นจำนวนจริงๆของ

ดาวเคราะห์ที่เหมาะจะอยู่ระหว่าง 2 ค่านี้

                    ตัวแระกอบสำคัญบางตัวที่เรานำมาคำนวณจำนวนดาวเคาระห์ที่เหมาะสมที่สิ่งมีชีวิตจะวิวัฒนาการจนถึงขั้น

อารยธรรมขั้นสูงในกาแลกซีของเราๆมีดังต่อไปนี้

                            1.จำนวนดาวฤกษ์ในกาแลกซีของเรา

                            2.จำนวนดาวฤกษ์ที่เหมาะสม

                            3.จำนวนดาวฤกษ์ที่เหมาะสม และมีดาวเคราะห์

                            4.จำวนดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดาวฤกษ์ในระยะเหมาะสม

                            5.จำนวนดาวเคราะห์ที่มีมวลพอเหมาะ

                            6.จำวนดาวเคราะห์ที่มีองค์ประกอบทางเคมี

                            7.จำนวนดาวเคราะห์ที่ใช้เวลาในการหมุนรอบตัวเอง

                            8.จำนวนดาวเคราะห์ที่เหมาะที่สิ่งมีชีวิตจะพัฒนาขึ้นมาได้

                            9.เปอร์เซ็นต์ของดาวเคราะห์เหล่านี้ที่พัฒนาถึงขั้นสังคมระดับสูงทางด้านเทคโนโลยี

                            10.จำนวนปีของสังคมระพับสูงทางด้านเทคโนโลยีที่ยังคงดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ได้

                            11.เปอร์เซ็นของดาวเคราะห์ซึ่งมีสนามแม่เหล็กบ้อมรอบที่มีค่าความเข้มเฉพาะ

                            12.เปอร์เซ็นต์ของดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์ขนาดใหญ่โคจรอยู่รอบๆ

                            13.ความปั่นป่วนทางธรณีภายในจองดาวเคราะห์

                            14.การคบรอบการเกิดยุคน้ำแข็งของดาวเคราะห์

                       เมื่อเรานำตัวประกอบข้างต้นมาคำนวณเราได้ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าตกใจว่าโอกาสที่สิ่งมีชีวิตจะพัฒนาถึง

อารยธรรม ขั้นสูงแทบไมมีเลย อย่างเช่น เราใช้การอนุมานแบบเสรี (แต่ไม่ใช่เสรีแบบไร้เหตุผล) มาคำนสณค่าสูงสุดก็จะ

มีดาวเคราะห์ที่มีอารยธรรมขั้นสูงหลายแสนโลกหรือมากว่า 1 ล้านโลกในกาแลกซีของเรา                  ในทางตรงกันข้าม

ถ้าเราใช้การอนุมานแบบจำกับ (แต่ไม่ใช่เสรีแบบไร้เหตุผล)มาคำนวณค่าต่ำสุดจะมีเพียงโลกเดียวเท่านั้นที่เจริญถึงขั้น

ที่เราสมมต ิ ถ้าเราต้องการคำตอบระหว่างกึ่งกลางของ 2 ขีดจำกัดที่เราคำนวณนี้ก็จะมีเพียง    โลกเดียวในกาแลกซี

ของเราที่พัฒนาถึงขั้นสูงทางอารยธรรม ท่ามกลางหมู่ดาวใหญ่น้อยกว่าแสนล้านดวง และเป็นโลกของเราหรือเปล่านั้น

ยังไม่มีใครให้คำตอบได้

                     ตัวเลขที่เรานำมาเสนอทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพียงแต่ชี้ให้เห็นว่าเอกภพของเราไม่ได้อุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิต

ประเสริฐมากมายเหมือนกับมีข่าวปรากฎของจานบินลึกลับบนโลกนับครั้งไม่ถ้วน แต่ยังชี้ให้เห็นชีวิตของเราที่เกิดบนโลก

ไม่ใช่ปรากฎอย่างฉาบฉวยหรือเป็นเรื่องบังเอิญ แท้จริงชีวิตของเราแต่ละคนที่เกิดขึ้นมา มีความหมายมากมาย

 

 

jeff.jpg (2682 bytes)

กลับไปหน้าแรก